เปิดประตูแอนฟิลด์: เกือบหลับ แต่กลับมาแล้ว
ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะลงแข่งขันกับ ฟูแล่ม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าพวกเราอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หลังจากผิดหวังมาติดต่อกัน
ทีมที่สาวกทีมอื่นขนานนามว่า ‘พวกพรี่ ๆ’ สะดุดต่อเนื่อง ตั้งแต่เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปรียบเสมือนแพ้ เพราะเจอกันฤดูกาลนี้ 3 นัด ไม่สามารถเก็บชัยได้แม้แต่เกมเดียว ต่อด้วยแพ้คาบ้านต่อ อตาลันต้า ใน ยูโรป้า ลีก เลกแรก 0-3 หลังจากนั้นยังเมาหมัดต่อให้กับ คริสตัล พาเลซ 0-1 และถึงแม้ว่าเลกสองของฟุตบอลยุโรป จะบุกไปชนะที่อิตาลีได้ แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อการผ่านเข้ารอบต่อไป
เงื่อนไขเดียวของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ให้กับลูกทีมไว้ในนัดนี้คือการบุกชนะ ‘เจ้าสัวน้อย’ ให้ได้สถานเดียว ไม่อย่างนั้นก็โบกมือลาการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้เลย
แล้วกลายเป็นว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมาได้ถูกเวลา ที่นอกจะขับเคลื่อนเกมได้แบบเหนือชั้นแล้ว ยังยิงฟรีคิก ปั่นโค้ง ๆ เสียบสามเหลี่ยมให้ทีมขึ้นนำไปได้ก่อน แต่ถึงอย่างนั้น ลิเวอร์พูล ก็ยังคงผิดพลาดในเกมรับแบบก่งก๊ง เมื่อโดนตีเสมอช่วงท้ายครึ่งแรก
เริ่มต้น 45 นาทีหลัง ‘หงส์แดง’ ทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสเข้าทำมากมายนัก จนกระทั่ง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต ตัดบอลได้ ก่อนจะจ่ายให้กับ ไรอัน กราเวนเบิร์ช สับไกแถว ๆ หัวกะโหลกเข้ามุมไปอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อนำอยู่ประตูเดียว เราก็ยังต้องเสียวว่าจะโดนเจาะตาข่ายอีกครั้งหรือไม่ เดชะบุญที่ช่วงนี้ โคดี้ กัคโป เข้าขั้นร่างทอง แทงทะลุช่องให้กับ ดิโอโก้ โจต้า โชว์ความเฉียบคมเหนือกองหน้าเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ให้ทีมบุกชนะ 1-3 ในเกมนี้
สถานการณ์ในปัจจุบัน ลิเวอร์พูล มีแต้มเท่ากับจ่าฝูง อาร์เซนอล แต่ว่าลูกได้เสียเป็นรองอยู่มากโข อีกทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ตามอยู่แค่แต้มเดียว อีกทั้ง ‘เรือใบสีฟ้า’ ยังมีเกมในมือมากกว่าอยู่หนึ่งนัด
เหนือสิ่งอื่นใดหลังจบเกมนี้ พวกเราได้กลับมาเห็นภาพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เดินเข้าไปปั้มหน้าอกสะใจต่อหน้า ‘เดอะ ค็อป’ อีกครั้ง ซึ่งนี่คือสัญญาณที่บอกได้ว่า บอสของพวกเรามั่นใจอย่างมากกับ 5 นัดที่เหลืออยู่หลังจากนี้ ซึ่งสุดท้ายพวกเราจะถึงฝั่งฝันหรือไม่นั้น ก็นอกจากเชียร์ทีมรักแล้ว ก็คงไม่แคล้วต้องแช่งทีมอื่นด้วย
เขียนโดย The Lite Team.
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.